เผยโจรเอทีเอ็มใช้เครื่องแจมมิ่งสวมติดไว้หน้าตู้

เผยโจรเอทีเอ็มใช้เครื่องแจมมิ่งสวมติดไว้หน้าตู้ +
http://www.dungd.com/contentDetail.asp?ContentID=5694 [10 มี.ค.52]
แฉพฤติกรรมโจรไฮเทคมาเลเซียแสบ ตร.เผยใช้กลวิธีแยบยล ออกแบบฝาครอบที่สอดบัตรตู้เอทีเอ็มปลอม แล้วแอบนำมาติดตั้งพร้อมเครื่อง "แจมมิ่ง" ซึ่งเป็นเครื่องคัดลอกข้อมูลอิเลคทรอนิกส์ แล้วแอบติดกล้องตามด บนผนังตู้ดูรหัสที่ผู้เสียหายกด ก่อนส่งสัญญาณไปยังคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของคนร้าย พร้อมคัดลอกข้อมูลใส่แถบแม่เหล็กบัตรปลอม ไปกดเงินจนเกลี้ยง จนท.ชี้ควรสังเกตตู้ทุกครั้ง ขณะป้อนรหัสควรใช้มือปิดบัง
กรณีโจรไฮเทคออกอาละวาดก่อเหตุลอบถอนเงินของผู้เสียหายจากตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่จุดตลาดอวยชัย 3 หมู่ 4 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร หลังผู้เสียหายเข้าไปใช้บริการ เบื้องต้นมีเจ้าทุกข์แจ้งความไว้รวม 20 ราย ยอดเงินกว่า 3 ล้านบาท ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หลังสวน สามารถ บุกจับกุมนายเตียว เก๊ก หลิง อายุ 43 ปี ชาวมาเลเซียหนึ่งในแก๊งคนร้ายได้ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และยอมรับสารภาพว่าได้ร่วมกับเพื่อนที่ยังหลบหนีก่อเหตุดังกล่าว โดยใช้อุปกรณ์มหาภัย "แจมมิ่ง" พัฒนามาจากสกีมเมอร์ ก๊อบปี้ข้อมูลเหยื่อที่มากดเงิน ก่อนโอนเข้าบัญชีตัวเอง
เกี่ยวกับความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช. ภ.8 พร้อม พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.ภ. จว.ชุมพร ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายเตียว ต่อสื่อมวลชน ด้าน พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าควบคุมตัว นายเตียว ได้เสนอเงิน 1.2 ล้านบาท เป็นสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกกับการปล่อยตัว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอม เบื้องต้นจากการสืบสวนพบว่าแก๊งดังกล่าวมีด้วยกันอย่างน้อย 4-5 คน ทั้งหมดเป็นชาวมาเลเซีย เข้ามาดำเนินการโจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็มของลูกค้าธนาคารต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ ต่อเนื่องมาแล้ว 4-5 เดือน มีมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งทางตำรวจภาค 8 จะได้ประสานกับตำรวจสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ เข้ามากวาดล้างจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนีอยู่ต่อไป
ต่อมา พ.ต.อ.สุพจน์ บุญชูดวง ผกก. สภ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ตลาดอวยชัย 3 ภายหลัง พ.ต.อ.สุพจน์ เปิดเผยถึงพฤติกรรมของคนร้ายแก๊งนี้ว่า มีวิธีการโจรกรรมข้อมูลของเหยื่อ โดยเริ่มแรกคนร้ายคงใช้วิธีถ่ายภาพตู้เอทีเอ็มเป้าหมายก่อน แล้วกลับไปที่มาเลเซียเพื่อออกแบบฝาครอบที่สอดบัตรของตู้เอทีเอ็ม จากนั้นจึงนำกลับมาแปะทับที่ช่องสอดบัตร แล้วติดตั้งเครื่องมือที่เรียกว่า "แจมมิ่ง" ซึ่งเป็นเครื่องคัดลอกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมติดกล้องแอบถ่ายขนาดเล็กที่เรียกว่า "กล้องตามด" ไว้ บนผนังด้านบนของตู้เอทีเอ็ม ซึ่งหากไม่สังเกตจะไม่เห็น และเครื่อง "แจมมิ่ง" และกล้อง ตามดดังกล่าวจะมีเครื่องส่งสัญญาณไปยังคอม พิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่คนร้ายใช้อยู่ในรถที่จอดอยู่ห่างจากตู้เอทีเอ็มในรัศมี ไม่เกิน 100 เมตร
หลังจากติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้แล้ว คนร้ายคงไปนั่งเปิดโน้ตบุ๊กรออยู่ในรถ เมื่อมีเหยื่อนำบัตรมากดเงินได้ 15-20 ราย อุปกรณ์ที่ติดอยู่ในตู้เอทีเอ็มจะส่งสัญญาณภาพและรหัสที่เหยื่อกดไปยัง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของคนร้าย จากนั้นคนร้ายก็จะตรวจสอบเงินในบัญชีของเหยื่อแต่ละคน หากพบว่ารายใดมีเงินมาก ก็จะคัดลอกข้อมูลไปใส่ในแถบแม่เหล็กในบัตรเอทีเอ็มปลอมที่คงมีเครื่องทำปลอม อยู่ในรถนั่นเอง เมื่อเหยื่อออกจากตู้ไปแล้ว คนร้ายก็จะนำบัตรที่ปลอมขึ้นมาไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มตู้อื่นแล้วโอนเงินไป เข้าบัญชีที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวต่อไปว่า น่าเสียดายที่ขณะจับกุมคนร้าย เจ้าหน้าที่ไม่พบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของคนร้าย คาดว่าคงนำไปเก็บไว้ที่มาเลเซียแล้ว จึงไม่ทราบว่าคนร้ายใช้โปรแกรมอะไรในการโจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็มดังกล่าว จึงอยากเตือนประชาชนที่ใช้บัตรเอทีเอ็มว่า ทุกครั้งที่นำบัตรไปกดเงินควรสังเกตตู้เอทีเอ็มนั้น ๆ ว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดตั้งอยู่บ้างหรือไม่ และขณะป้อนรหัสควรใช้มือบังทุกครั้ง เพื่อป้องกันมิให้คนร้ายโจรกรรมข้อมูลของเราได้ง่าย ๆ และหากพบสิ่งผิดปกติใด ๆ ที่ตู้เอทีเอ็มต้องรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทางธนาคารทันที
วันเดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ. สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเครือข่ายปลอมแปลงบัตรเครดิตของดีเอสไอ พบว่ายังมีเครือข่ายที่ยังไม่ถูกจับกุม 10-20 กลุ่ม โดยมีชาวยุโรปกลาง ร่วมกับชาวมาเลเซียและคนไทย เข้ามาติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเอที เอ็ม ซึ่งอุปกรณ์ตัวใหม่ล่าสุดสั่งซื้อจากประเทศสเปน จะมีลักษณะใกล้เคียงกับอุปกรณ์ที่ติดตั้งตามตู้กดเงินของธนาคารทั่วโลก โดยกลุ่มคนร้ายจะเลือกติดตั้งอุปกรณ์กับตู้กดเงินที่ตั้งอยู่ในสถานที่พลุก พล่าน อาทิ หน้าเซเว่นอีเลฟเว่น ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ จึงอยากฝากเตือนไปยังประชาชนหากไม่มั่นใจในการใช้บริการตู้กดเงินด่วน ขอให้เลือกใช้บริการจากตู้ที่ติดตั้งบริเวณหน้าธนาคารซึ่งปลอดภัยมากกว่า ส่วนกรณีเงินในบัญชีของพ่อค้าแม่ค้าผลไม้ใน จ.ชุมพร สูญหายหลังทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็มว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มเดียวกับคนร้ายที่ดีเอสไอเฝ้าติดตามอยู่ ดีเอสไอจึงส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อขยายผลจับกุม โดยคนร้ายเป็นชาวมาเลเซียชื่อนายเตียว อายุประมาณ 43 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้จับกุมเครือข่ายของนายเตียว ที่เป็นอดีตนายตำรวจ สันติบาล ส่งอัยการสั่งฟ้องไปแล้ว
ด้านนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการ สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์ กรณีที่ลูกค้าธนาคารถูกโจรกรรมข้อมูลจากเครื่องเอทีเอ็ม และโจรกรรมเงินจากบัญชีของลูกค้าออกไป ซึ่งในส่วนนี้หากไม่ได้เป็นความผิดของลูกค้า และเป็นเหตุจากธนาคารละเลย ธนาคารนั้น ๆ คงต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่ลูกค้า แต่ต้องมาดูรายละเอียดกันเสียก่อน พร้อมกันนั้นธนาคารสมาชิกได้ติดตั้งเครื่องแอนตี้สกิมมิง เพื่อป้องกันการคัดลอกข้อมูลจากแถบแม่เหล็ก ซึ่งในส่วนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่วนวิธีป้องกันเหตุในเบื้องต้น ลูกค้าผู้ถือบัตรเอทีเอ็ม ไปกดเงินยังเครื่องเอทีเอ็มนั้น เวลากดรหัสต้องใช้มือบังเพื่อป้องกันการแอบดู หรือผู้เป็นเจ้าของบัตรควรเปลี่ยนรหัสเอทีเอ็มบ่อย ๆ และไม่บอกรหัสแก่ผู้อื่นโดยเด็ดขาด
นายพล ธนโชติ ผอ.ฝ่ายสนับสนุนช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และเครือข่ายการบริการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานชมรมธุรกิจบริการเอทีเอ็ม กล่าวว่า กรณีที่มิจฉาชีพติดเครื่องสกิมมิงที่เครื่องเอทีเอ็ม สังเกตด้วยตาเปล่าทำได้ยาก หากไม่แน่ใจให้โยก หรือดึงช่องเสียบบัตร เอทีเอ็ม ถ้าคนร้ายนำมาติด จะหลุดออกมา ถ้าเป็นช่องเสียบบัตรฯของเครื่องจริงจะติดแน่นไม่โยกคลอน ขณะนี้ทุกแบงก์เร่งติดตั้งเครื่องแอนตี้สกิมมิงที่เครื่องเอทีเอ็ม โดยเครื่องเอทีเอ็มรวม ทั้งหมดทั่วประเทศมีประมาณ 30,000 เครื่อง ณ สิ้นปี 51 ติดตั้งไปแล้ว 50% คาดว่าไม่เกินกลางปีนี้จะติดตั้งเครื่องแอนตี้สกิมมิงได้ครบทุกแห่ง.